วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แก้ไขปัญหาแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กชาร์จได้ไม่เต็ม 100%

ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กได้ไม่เต็ม 100% นั้น ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนค่อนข้างกังวล โดยเฉพาะเวลาที่ต้องนำโน้ตบุ๊กไปใช้งานนอกสถานที่ ก็ไม่รู้ว่าแบตฯ จะหมดลงเมื่อใดหรือจะใช้ได้นานมากมั้ย สาเหตุดังกล่าวนี้เป็นเพราะแบตฯ เสื่อมหรือเกิดจากปัญหาของซอฟต์แวร์จัดการระบบพลังงานที่มีการตั้งค่า Power Management ผิดพลาดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการทำให้เกิดปัญหาการชาร์จไม่เต็ม 100% ด้วยกันทั้งนั้น รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้งานและขาดการดูแลรักษาของผู้ใช้เองด้วย
แต่ก่อนที่จะไปถึงการแก้ไขปัญหาในด้านการชาร์จไฟให้กับโน้ตบุ๊กได้เต็มประสิทธิภาพนั้น ก็น่าจะทำความเข้าใจในเรื่องแบตเตอรี่ รอบการชาร์จพลังงาน รวมถึงการดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้สามารถอยู่ได้ยาวนานกันก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเรื่องเข้าใจผิดที่หลายๆ คนยังทำกันอยู่ ก็จะได้ทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืดอายุในการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กให้ยาวนานยิ่งขึ้น

การดูแลรักษาแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ก

วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กนั้นทำได้ด้วยกันหลายวิธี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่กลับถูกมองข้ามและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บประจุของแบตฯ อยู่ไม่น้อย เช่น
หลีกเลี่ยงการจัดเก็บแบตฯ ภายใต้สภาวะที่อาจจะส่งผลเสียกับแบตฯ ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณที่มีความร้อนหรือความชื้นสูง เช่นในรถยนต์ที่จอดกลางแดดหรือใกล้บริเวณที่มีโอกาสสัมผัสกับละอองน้ำ เป็นต้น เพราะอาจทำให้แบตฯ ทำงานผิดปกติจากออกไซด์ที่ขั้วแบตฯ รวมถึงลดประสิทธิภาพในการเก็บประจุ 
ลดการโหลดพลังงานของแบตเตอรี่ หมายถึงการลดการต่อพ่วงหรือใช้พลังงานจากแบตฯ อย่างสิ้นเปลืองเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการต่อพ่วงอุปกรณ์จำนวนมากพร้อมๆ กันหรือการเปิดการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แม้ไม่ได้มีการใช้งานอยู่ก็ตาม รวมถึงการปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานของแบตฯ ลงให้ได้มากที่สุดและลดการเกิดความร้อนนั่นเอง
ให้แบตฯ ได้มีโอกาสได้คลายประจุออกบ้าง โดยจะเป็นเหมือนการเคลียร์ประจุที่ค้างอยู่ในแบตฯ ออกให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บประจุในครั้งต่อไปทำได้ดียิ่งขึ้น เหมือนเป็นการทำความสะอาดให้กับตัวเก็บประจุของแบตฯ นั่นเอง ส่วนวิธีการคลายประจุจะทำได้อย่างไรนั้น สามารถติดตามได้ในส่วนของท้ายบทความนี้ ในหัวข้อ การ Calibrate Battery 
ไม่ควรปล่อยหรือใช้งานแบตเตอรี่จนหมดหรือใช้จนแบตฯ เหลือน้อยกว่า 10% เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการเก็บประจุในระยะยาว 

CPUID Hardware Monitor อีกวิธีการตรวจสอบแบตฯ

ถือเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจในการตรวจสอบระดับการเก็บประจุของแบตเตอรี่ โดยที่โปรแกรม CPUID Hardware Monitor สามารถแสดงสถานะในการเก็บประจุ ซึ่งดูได้จากหัวข้อ Battery เปรียบเทียบกันในส่วนที่เป็น Design Capacity ที่เป็นความจุเดิมของแบตฯ เทียบกับ Full Charge Capacity หรือการชาร์จไฟแบบเต็มที่ในปัจจุบัน ถ้าผลใน Full Charge ต่ำกว่า Design Capacity ก็อาจหมายถึงมีการเสื่อมของแบตฯ เกิดขึ้นให้เห็นนั่นเอง แต่ถ้าต้องการตัวเลขที่เป็นสัดส่วน ก็ให้ดูในหัวข้อ Wear Level ซึ่งจะบอกผลเป็นเปอร์เซนต์ได้ชัดเจนขึ้น
จากปัญหาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า โอกาสที่แบตฯ ไม่สามารถเก็บประจุได้ 100% เหมือนเดิมเกิดขึ้นได้ง่ายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานแบบไม่ได้เอาใจใส่ดูแลที่ดีพอสมควร ก็มีผลให้การเสื่อมของแบตฯ มากขึ้นตามไปด้วย

Calibrate Battery คืนความสดใหม่ให้แบตเตอรี่

ในการทำ Calibrate Battery นั้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการคืนสภาพทั้งหมดให้กับแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการรีเฟรชหรือการคลายประจุเพื่อให้แบตเตอรี่ได้กลับมาสดใหม่อีกครั้ง ลักษณะการ Calibrate นั้น มีด้วยกันหลายกระแส แต่ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ การชาร์จประจุให้เต็ม จากนั้นทำการคลายประจุให้หมด แต่ต้องทำเป็นขั้นตอน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีรูปแบบการทำงานดังนี้

 
1
ขั้นแรกให้ชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กที่ใช้จนเต็ม ไม่ว่าจะขึ้นเป็น 100% หรือหากมีตัวเลขของการชาร์จได้เต็มแล้ว ไม่ว่าระบบจะหยุดชาร์จที่กี่เปอร์เซนต์ก็ตาม ก็ให้ชาร์จต่อเนื่องไปอีกสักระยะ
 
 
2
สังเกตว่าเมื่อชาร์จจนระบบแจ้งว่าหยุดการเก็บประจุแล้ว ยังให้ชาร์จแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้อีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง
 
 
3
ถอดสายชาร์จออกจากเครื่อง แล้วใช้งานจนกว่าแบตฯ จะหมด ซึ่งต้องเข้าไปดูค่าในส่วนของ Power Plan ด้วย เพราะบางครั้งเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด อาจจะเข้าไปอยู่ในโหมด Sleep แทน ซึ่งต้องให้มั่นใจว่าระบบใช้แบตฯ จนหมดจริงๆ
 
 
4
จากนั้นทิ้งให้เครื่องหยุดทำงานไป เพื่อให้มีการคลายประจุอย่างเต็มที่ อาจจะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
 
 
5
เปิดเครื่องพร้อมกับการชาร์จไฟใหม่จนเต็ม 100% แล้วใช้งานตามปกติต่อไป
  
 
6
รูปแบบการ Calibrate ดังกล่าว อาจจะต้องมีระยะในการทำ อาจจะเดือนละครั้งหรือขึ้นอยู่กับความถี่ในการชาร์จของแต่ละวัน
 

ACPI Compliant Control Method Battery

ในบางครั้งการเกิดปัญหาในส่วนของการรายงานระบบการชาร์จ ก็ไม่ได้เกิดจากความเสื่อมถอยของแบตเตอรี่เสียทีเดียว แต่อาจจะเกิดจากการที่ระบบจัดการไดรเวอร์ของแบตเตอรี่ ACPI Compliant Control Method Battery ทำงานผิดปกติ ในกรณีนี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการติดตั้งไดรเวอร์เข้าไปใหม่ เพื่อปรับปรุงการทำงานของซอฟต์แวร์ใหม่อีกครั้ง ส่วนวิธีการนั้นทำได้โดย

 
1
เข้าไปที่การทำงานของ Device Manager
 
 
2
คลิกที่ปุ่มสามเหลี่ยมซ้ายมือหน้าหัวข้อ Battery
  
 
3
ในแถบของ Batteries category ให้คลิกขวาที่ Microsoft ACPI Compliant Control Method Battery แล้วเลือก Uninstall
 
ข้อควรระวัง ไม่ควรลบหรือ Delete ไดรเวอร์อื่นใดใน Microsoft AC Adapter driver หรือ ACPI compliant driver โดยเด็ดขาด 
 
4
ไปที่แถบเมนูด้านบน แล้วคลิกที่หัวข้อ Scan for hardware changes. เลือกที่ Action แล้วคลิกที่ Scan for hardware changes เพื่อทำการ Reinstall อีกครั้งหนึ่ง
 
ด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่จะทำให้แบตเตอรี่ที่เคยมีปัญหาในการชาร์จกลับคืนสภาพมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจากเดิมก่อนที่จะมีปัญหานั้น มีการดูแลหรือมีรูปแบบการใช้งานเป็นเช่นไร ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถกลับคืนมาให้ดีเหมือนใหม่ได้ แต่ก็พอที่จะบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง




เครดิต : notebookspec.com

5 ขั้นตอน เร่งความเร็วอินเตอร์เน็ตให้เร็วกว่าเดิม

การใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่หลายคนใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่าบางครั้งก็เกิดปัญหาในเรื่องความเร็วบ้าง การเชื่อมต่อบ้าง สิ่งเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างไรก็ดีหากเป็นเรื่องของความเร็วในการใช้งานแล้ว การปรับแต่งบางส่วนในเครื่องของเราเอง ก็มีส่วนช่วยให้ระบบโดยรวมทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเชื่อมต่ออีกด้วย ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่กี่ขั้นตอน
1.Speed up สุดจี๊ดตอนเล่นอินเทอร์เน็ต
ในขั้นตอนนี้เป็นวิธีที่ช่วยให้เครื่องไม่จำกัดแบนด์วิทธิ์ช่องทางข้อมูล ซึ่งเป็นการแก้ไขตัวเลขพื้นฐาน ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบในการทำงานแต่อย่างใด วิธีการง่ายๆ ก็คือ ให้เข้าสู่ระบบด้วยล็อกอิน Administrator เสียก่อน
-เริ่มต้นให้เรียกเมนู Run ขึ้นมา จากนั้นให้พิมพ์คำว่า gpedit.msc จะปรากฏหน้าต่าง Local group policy editor ขึ้นมา
-จากนั้นให้กดที่เครื่องหมาย + หน้าหัวข้อ Administrative Template > Network > QoS Packet Scheduler
-ดูที่หน้าต่างทางขวามือ ให้ดับเบิลคลิกที่ Limit reservable bandwith
-เมื่อหน้าต่าง Limit reservable bandwith แสดงขึ้นมา ให้คลิกหน้าหัวข้อ Enable จากนั้นลงไปที่หัวข้อ Options ด้านล่าง ให้ปรับค่า Bandwidth limit (%) ให้เป็น 0 จากนั้นคลิก OK
2.ปรับค่า bps หรือ Bits per second ให้สุดๆ
วิธีการนี้เป็นการปรับค่าให้มีการ Receive buffer ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้เข้าไปที่ My Computer แล้วคลิกขวามเลือกที่ Properties จากนั้นคลิกที่แท็บ Hardware
-ให้คลิกที่ + ด้านหน้า Ports (COM & LPT) จากนั้นดับเบิลคลิกพอร์ตที่ใช้ในการต่อโมเด็ม โดยปกติจะเป็น Com2
-เมื่อปรากฏหน้าต่าง Communications Port Properties ขึ้นมา ให้คลิอกที่ Port Settings
-จากนั้นให้ตั้งค่า Bits per second จากเดิมที่เป็น 9600 ให้ไปอยู่ที่ 57600 หรือมากกว่านั้น แต่ทางที่ดีไม่ควรให้สูงเกินไป
-เสร็จแล้วเลือกที่ Flow Control ให้เป็น Hardware จากนั้นคลิกที่ Advance แล้วตั้งค่า Receive Buffer ให้สูงที่สุด
3.ปรับแก้ Registry สำหรับโหลดหน้าเว็บ
เป็นอีกวิธีง่ายๆ สำหรับการช่วยให้การค้นหาและการโหลดเว็บให้เร็วยิ่งขึ้น
-เริ่มด้วยการเรียกเมนู Run ขึ้นมา จากนั้นพิมพ์คำว่า regedit แล้วกด OK
-จากนั้นให้เลือกไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Services > Tcpip > ServiceProvider
-ให้ดูที่หน้าต่างด้านขวามือ แล้วให้เปลี่ยนค่าบนตัวแปรต่างๆ เหล่านี้ ให้กลายเป็น 1 ทั้งหมด ซึ่งจะประกอบไปด้วย
Class: 1
DnsPriority : 1 
HostsPriority : 1
LocalPriority : 1  
NetbtPriority : 1
4.กำหนดค่า MTU กำหนดค่าการรับ-ส่งข้อมูล
เป็นการตั้งค่าให้เครือข่ายมีการค้นหาค่า Maximum Transmission Unit ให้อัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย
-ให้เรียกเมนู Run ขึ้นมา จากนั้นพิมพ์ regedit แล้วกด OK
-จากนั้นให้ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Services > Tcpip > Parameters > interfaces
-ให้คลิกที่หน้า Interface ให้คลิกขวาที่หน้าโฟลเดอร์แรก แล้วเลือก new > DWORD Value > ตั้งชื่อเป็น MTU
-เสร็จแล้วดับเบิลคลิก แล้วใส่ค่าเป็น 0 ในหัวข้อต่อไปนี้ หากใช้เป็น dial-up Connection ให้ใส่ค่า 576   หากใช้เป็น PPP Broadband Connecting ให้ใส่ค่า 1492   หากใช้เป็น Ethernet, DSL, Cable Broadband Connection ให้ใส่ค่า 1500
5.ลบไฟล์ใน Cache ให้หมดจด
เป็นการลบข้อมูลขยะ รวมถึงบรรดา Cache file ต่างๆ ออกไปจากระบบ ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบเคลื่อนไหวได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงเว็บบราวซ์เซอร์ที่ใช้ในการทำงานด้วยเช่นกัน สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Disk Cleanup หรือการลบจาก Web Browser > Internet Option > Delete > Delete Browsing History




เครดิต : notebookspec.com